ปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยต้องเผชิญกับความท้าทายจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งส่งผลต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของสถานประกอบการ การวัดประสิทธิภาพการดำเนินงานมีส่วนสำคัญในการประเมินศักยภาพและความพร้อมของสถานประกอบการที่มีต่อบริบทของการผลิตที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน งานวิจัยนี้ได้พัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพ สำหรับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ของสถานประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในระดับ First tier ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักที่มีความสำคัญของประเทศ ดำเนินการวิจัยโดยการทบทวนวรรณกรรมและการประยุกต์ใช้วิธีเดลฟาย ผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก จากกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อรวบรวมและคัดกรองตัวชี้วัดประสิทธิภาพ และใช้วิธีกระบวนการวิเคราะห์เชิงลำดับชั้น ในการวิเคราะห์ระดับความสำคัญของตัวชี้วัดประสิทธิภาพ ผลการศึกษาพบว่า มิติการพัฒนาประสิทธิภาพพนักงาน มีความสำคัญมากที่สุดในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 รองลงมาคือ มิติด้านกลยุทธ์และองค์กร มิติด้านเทคโนโลยี มิติด้านการปฎิบัติการอัจฉริยะ และมิติด้านผลิตภัณฑ์และบริการอัจฉริยะ ตามลำดับ ซึ่งผลการศึกษาสามารถนำไปใช้ในการวัดประสิทธิภาพการดำเนินงานและหาแนวทางในการพัฒนาสถานประกอบการต่อไป

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของความกังวลต่อสิ่งแวดล้อมที่มีต่อความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมและนำไปสู่การเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรเรื่องการรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน นอกจากนี้ยังศึกษาการแพร่กระจายของพฤติกรรมการสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตส่วนตัวไปสู่การเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรเรื่องการรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยใช้ทฤษฎีการไหลล้น กลุ่มตัวอย่างคือพนักงานของธุรกิจโรงแรมและที่พักขนาดกลางและขนาดเล็ก ในเขตอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และเขตอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 358 คน โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยแบบจำลองสมการโครงสร้าง ผลจากการศึกษาพบว่า ความกังวลต่อสิ่งแวดล้อมของพนักงานโรงแรมส่งผลเชิงบวกต่อความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม และนำไปสู่พฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรเรื่องการรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงความกังวลต่อสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลเชิงบวกต่อพฤติกรรมการสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้ พฤติกรรมการสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตส่วนตัวไหลล้นเชิงบวกไปยังพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรเรื่องการรักษ์สิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน ซึ่งผลของการศึกษาจะเป็นแนวทางในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจโรงแรมและที่พัก รวมถึงองค์กรอื่นๆในการสร้างค่านิยม การตระหนักรู้และส่งเสริมพฤติกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้กับพนักงานภายในองค์กร

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของคุณประโยชน์ที่ได้จากเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีต่อความเชื่อมั่นในแบรนด์และความยึดมั่นในแบรนด์ การศึกษานี้เลือกเฟซบุ๊กเป็นตัวแทนเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ การเก็บข้อมูลทำโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ตามสัดส่วนประชากรศาสตร์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทย โดยงานวิจัยนี้มีกลุ่มตัวอย่างเป็นสมาชิกเฟซบุ๊กแฟนเพจร้านอาหาร จำนวน 380 คน ผลการศึกษาพบว่า ประโยชน์ทางด้านสุนทรียะมีอิทธิพลต่อความยึดมั่นในแบรนด์สูงที่สุด ตามด้วยประโยชน์ทางด้านการใช้งาน และประโยชน์ทางด้านจิตวิทยาสังคมตามลำดับ โดยผ่านจากการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นและความเชื่อมั่นในแบรนด์ ยกเว้นประโยชน์ทางด้านการเงินที่ไม่พบอิทธิพลดังกล่าว การวิจัยนี้ได้นำเสนอแบบจำลองที่แสดงถึงคุณประโยชน์ของแบรนด์ ความเชื่อมั่นในแบรนด์ และความยึดมั่นในแบรนด์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเจริญเติบโตของธุรกิจที่สามารถปรับใช้ได้กับทั้งองค์กรที่มีขนาดเล็กไปจนถึงองค์องค์กรที่มีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจของไทยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเติบโตในตลาดได้อย่างยั่งยืน