การวิจัยเชิงปริมาณนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการจัดการความรู้ด้านศุลกากร ได้แก่ การจัดหาความรู้ด้านศุลกากร การเก็บรักษาความรู้ด้านศุลกากร การแจกจ่ายความรู้ด้านศุลกากร และการประยุกต์ใช้ความรู้ด้านศุลกากรที่ส่งผลต่อการผ่าน พิธีการศุลกากรขาเข้าที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพ ผู้วิจัยใช้แบบสอบถามที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็น ผู้นำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์จำนวน 316 ราย ผลการวิจัยพบว่า การเก็บรักษาความรู้ด้านศุลกากรและการประยุกต์ใช้ความรู้ด้านศุลกากรส่งผลเชิงบวกต่อการผ่าน พิธีการศุลกากรขาเข้าที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพ ตามลำดับ ผู้นำเข้าควรพิจารณาจัดหาความรู้ด้านศุลกากรเพิ่มเติม ใช้ความรู้ด้านศุลกากรปรับปรุงกระบวนการผ่านพิธีศุลกากรขาเข้า บันทึกประวัติข้อมูลด้านการผ่านพิธีการศุลกากรที่เป็นบทเรียนเฉพาะขององค์กร และรักษาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านศุลกากรเพื่อยกระดับการผ่านพิธีการศุลกากรขาเข้าที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลแทรกซ้อนของความนับถือศาสนาอิสลามที่มีต่ออิทธิพลของแรงจูงใจในการท่องเที่ยวต่อความพึงพอใจและความจงรักภักดีต่อจุดหมายปลายทาง ทำการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับนักท่องเที่ยวชาวไทยมุสลิมในกรุงเทพมหานครจำนวน 319 ตัวอย่าง โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบโควตาสัดส่วนตามเพศและช่วงอายุ ผลการศึกษาพบว่า การสงบจิตสงบใจ โครงสร้างพื้นฐานและความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว และความสะอาดและความปลอดภัยมีอิทธิพลทางบวกต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว ในขณะที่ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวมีอิทธิพลทางบวกต่อความจงรักภักดีในจุดหมายปลายทาง และระดับของความนับถือศาสนาไม่มีอิทธิพลต่อแรงจูงใจผลักดันและแรงจูงใจดึงดูดที่มีต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว ผลการศึกษาสามารถบอกข้อมูลกับผู้จัดการในการคิดผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวชาวไทยมุสลิมได้

งานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของโมเดลการรับรู้ความเสี่ยงด้านการทุจริตการจัดซื้อ จัดจ้างในภาครัฐ และจัดทำอันดับความสำคัญขององค์ประกอบ การศึกษาครั้งนี้เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถามจาก ผู้ตรวจสอบภาครัฐ จำนวน 461 ราย และทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบของโมเดลการรับรู้ความเสี่ยงด้านการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน 3 องค์ประกอบ ซึ่งน้ำหนักองค์ประกอบทุกองค์ประกอบมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยเรียงลำดับความสำคัญขององค์ประกอบจากค่าน้ำหนักองค์ประกอบมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด ดังนี้ 1) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ (RC) 2) ความเสี่ยงด้านการรายงานการเงิน (RF) และ 3) ความเสี่ยงด้านส่วนบุคคล (RP) ผลการวิจัยครั้งนี้จะเป็นข้อมูลพื้นฐานในการนำไปสู่การกำหนดกรอบแนวทางในการต่อต้านการทุจริตทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผลักดันให้ผู้บริหารตระหนักถึงความสำคัญของการจัดให้มีระบบการควบคุมภายในที่ดีที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความโปร่งใสของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง